
Mille Miglia ในภาษาอิตาลี แปลว่า “หนึ่งพันไมล์” เป็นชื่อการแข่งขันรถยนต์ที่จัดขึ้นบนถนนสาธารณะในอิตาลี รวมระยะทางทั้งหมด 992.3 ไมล์ หรือประมาณ 1,597 กิโลเมตร ประกอบด้วยถนนสาธารณะในชนบทของอิตาลี ส่วนใหญ่เป็นถนนลาดยางแคบๆ ที่อยู่บริเวณรอบนอกของประเทศ การแข่งขันรายการใหญ่ระดับโลกดังกล่าว ถูกจัดขึ้นในช่วงวันที่ 11-12 พฤษภาคม ค.ศ. 1957 (พ.ศ. 2500) เส้นทางนี้มีพื้นฐานมาจากการเดินทางไป-กลับ ระหว่างเบรสชาและโรม โดยเริ่มต้นและสิ้นสุดที่เมืองเบรสชา นับเป็นรอบที่ 3 ของฤดูกาล World Sportscar Championship ประจำปี 1957

ปี 1957 โศกนาฏกรรมร้ายแรงก็เกิดขึ้นในการแข่งขันรถยนต์ระยะไกลสุดคลาสสิก Mille Miglia บนถนนที่คับแคบและเต็มไปด้วยอันตรายนานับประการ Mille Miglia มีระยะทางของการแข่งขันบนถนนสาธารณะไกลเกือบ 1,600 กิโลเมตร รายการดังกล่าวได้กลายเป็นการแข่งท้าความเร็ว รวบรวมรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกและนักขับสุดยอดฝีมือที่กล้าบ้าบิ่น ช่วงบ่ายของการแข่งขันหลังจาก 11 ชั่วโมงอันแสนทรหด เหลือระยะทางอีกเพียงไม่กี่กิโลเมตรก็จะเข้าเส้นชัย รถแข่ง Ferrari 335S ที่ขับโดย Alfonso de Portago นักแข่งชาวสเปนผู้ห้าวหาญก็เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น เมื่อยางล้อหน้าของ Ferrari เกิดระเบิดหลังจากวิ่งไปทับเข้ากับของมีคมบนผิวถนน


ด้วยสปีดความเร็วเกินกว่า 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในขณะที่เกิดการระเบิดของยางหน้าด้านซ้าย ทำให้รถแข่ง 335S เสียหลักหมุนคว้างและบินออกนอกถนนไปปะทะเข้ากับฝูงชนที่กำลังยืนดูอยู่ ด้วยความเร็วในขณะเกิดการเสียหลัก รถ Ferrari ชนเข้ากับเสาโทรศัพท์แล้วกระเด็นข้ามลำธาร กวาดผู้ชมหลายคนที่อยู่ห่างจากไหล่ทางไม่ไกลนัก สุดท้าย รถตกลงไปในลำธารที่อยู่อีกด้านหนึ่งของถนน นอกจาก Alfonso de Portago และนักขับผู้ช่วย Edmund Nelson ชาวอเมริกัน และผู้ชมอีก 9 คน เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ในจำนวนนี้มีเด็กถึง 5 คนรวมอยู่ด้วย โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บถึง 20 คน เจ้าหน้าที่พบศพของ de Portago ใกล้รถในสภาพที่ตัวขาดออกจากกัน! นอกจากนี้ นักแข่งดัตช์ Joseph Göttgens ก็ประสบอุบัติเหตุใกล้กับเมืองฟลอเรนซ์ในรถแข่ง Triumph TR3 หลังจากนั้นไม่นาน Joseph Göttgens ก็เสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บสาหัสภายในโรงพยาบาลของเมืองฟลอเรนซ์

ความรุนแรงจากความเร็วของรถ Ferrarei 335S ทำให้ Alfonso de Portago และ Edmund Nelson นักแข่งอีกคนที่นั่งมาด้วยกันเสียชีวิตคาที่ทั้งคู่ น่าเศร้าที่มีผู้ชมถึง 9 คน ต้องจบชีวิตลงจากแรงปะทะของรถแข่ง 335S ที่เสียหลักบินถลาเข้าไปหากลุ่มคนดู เรื่องราวทั้งหมดยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เมื่อในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้ง 9 คนนั้น มีเด็กเล็กรวมอยู่ด้วยถึง 5 คน ประชาชนชาวอิตาลีรู้สึกไม่พอใจกับการแข่งขันที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงและคร่าชีวิตผู้คนสองข้างทางอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่มีการจัดการแข่งขันรายการนี้ คนอิตาเลียนต่างเรียกร้องความยุติธรรมให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต และหนึ่งในคนที่ต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ดังกล่าวก็คือ Enzo Ferrari เจ้าของทีมแข่ง Scuderia Ferrari
หลังจากนั้น การแข่งรถระยะไกลสุดอันตราย Mille Miglia ก็ถูกยกเลิกโดยสิ้นเชิง และไม่เคยมีการจัดการแข่งขันอีกเลย Enzo Ferrari ถูกนำตัวขึ้นศาลในข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ถือเป็นปีที่ยากลำบากที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิตของไอคอนแห่งวงการยานยนต์

Enzo Ferrari มีชื่อเสียงจากการแสวงหาชัยชนะอย่างมุ่งมั่น โดยเริ่มต้นอาชีพ ในช่วงปี ค.ศ. 1920 ด้วยการเป็นนักขับรถแข่งให้กับทีม Alfa Romeo หลังจากเพื่อนนักแข่งในทีม Alfa Romeo เสียชีวิตลงจากอุบัติเหตุ ทำให้ Enzo เปลี่ยนเส้นทางจากนักแข่งมาเป็นผู้จัดการทีมแข่งรถ ในช่วงทศวรรษที่ 1930-1940 Enzo Ferrari ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ที่มีวิสัยทัศน์ในช่วงทศวรรษ 1940 จากความมุ่งมั่นทุ่มเท นั่นก็คือการแข่งรถ Ferrari เริ่มขายรถสปอร์ตที่คว้าชัยชนะในบ่ายวันอาทิตย์ เพื่อนำเงินมาพัฒนารถแข่งคันใหม่ในบ่ายวันจันทร์ ด้วยเงินจำนวนมหาศาลที่ช่วยสนับสนุนความทะเยอทะยานและความคลั่งไคล้ในการแข่งรถของ Enzo Ferrari
กลางทศวรรษ 1950 บริษัท Ferrari กลายเป็นผู้เล่นหลักในการแข่งรถระดับมืออาชีพ ทั้งในรถล้อเปิด Formula 1 ที่นั่งเดี่ยว และในการแข่งขันบนถนนสาธารณะ เช่น รายการแข่งระยะไกล Mille Miglia แต่ปี 1956 ถือเป็นปีแห่งชัยชนะและโศกนาฏกรรมสำหรับ Enzo และแบรนด์ Ferrari

เดือนเมษายนปี 1956 ทีมแข่ง Ferrari คว้าชัยชนะที่ Mille Miglia โดยขึ้นสู่โพเดียมมากถึงสี่อันดับแรก แชมป์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของรายการนี้ก็คือ Eugenio Castellotti หนึ่งในนักแข่งอายุน้อยที่เก่งที่สุดในทีม Scuderia Ferrari



สองเดือนต่อมา Enzo และ Laur ภรรยา ก็ประสบกับการสูญเสียครั้งใหญ่ เนื่องจาก Alfredo Dino Ferrari ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียว ต้องจากไปด้วยวัยเพียงแค่ 24 ปี เนื่องจากโรคกล้ามเนื้อเสื่อมเรื้อรัง หลังจากรักษาตัวมานานหลายปี เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ Enzo รู้สึกเศร้าและหมดกำลังใจในการทำงาน Enzo คิดว่า เขาควรจะลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัท Ferrari ด้วยซ้ำ ในที่สุด เมื่อเวลาช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียวที่มี Enzo Ferrari ก็กลับมาทำงานอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นาน เหตุร้ายก็เกิดขึ้นอีกครั้ง Castellotti นักขับดาวเด่นของทีม Scuderia Ferrari เสียชีวิตลงจากอุบัติเหตุในการฝึกซ้อมบนสนามทดสอบของ Ferrari ที่เมืองโมเดนา การเสียชีวิตของ Castellotti เกิดขึ้นเพียงไม่กี่อาทิตย์ ก่อนหน้ารายการแข่งรถครั้งยิ่งใหญ่ในอิตาลีอย่าง Mille Miglia ปี 1957 จะเริ่มต้นขึ้น นับเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ Enzo แสดงความกังวลต่อหน้าสาธารณะชน เกี่ยวกับการอุทิศชีวิตของนักแข่งให้กับกีฬาสุดอันตรายเช่นนี้

“มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปในตัว Enzo” Luca Dal Monte คอลัมนิสต์ ผู้เขียนชีวประวัติ Enzo Ferrari: Power, Politics, and the Making of an Automotive Empire กล่าว คืนก่อนเริ่มรายการใหญ่อย่าง Mille Miglia ในปี 1957 Ferrari กล่าวสุนทรพจน์ในงานเลี้ยงที่เมืองเบรสเซียว่า “บางที การตายของ Dino และ Castellotti อาจทำให้เขาเข้าใจปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตนเอง” Luca Dal Monte กล่าว “Enzo พูดคุยกับนักแข่งและช่างเครื่องยนต์ที่งานเลี้ยง ในคืนก่อนการแข่งขันว่า สิ่งที่เขากำลังทำนั้นเหมือนเป็นการฆ่าคนทางอ้อมหรือไม่?”



สองปีก่อนหน้านี้ ในปี 1955 โลกแห่งมอเตอร์สปอร์ตต้องสั่นสะเทือนด้วยอุบัติเหตุที่ร้ายแรงที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ของการแข่งรถที่ถูกบันทึกเอาไว้ ระหว่างการแข่งขัน Le Mans 24 ชั่วโมงในประเทศฝรั่งเศส รถแข่ง Mercedes-Benz ที่วิ่งด้วยความเร็ว 241 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนเข้ากับรถแข่งคันอื่น รถแข่งของทีมตราดาวที่เสียหลักในย่านความเร็วสูง หลุดออกจากแทรคแล้วบินข้ามรั้วไปปะทะเข้ากับอัฒจันทร์คนดู ความรุนแรงที่เกิดจากความเร็วของการชน ทำให้รถแข่งตราดาวระเบิดเป็นกองเพลิงขนาดใหญ่ เศษซากชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายพร้อมถังเชื้อเพลิงที่แตกส่งผลทำให้เกิดไฟลุกไหม้อย่างรุนแรงจากน้ำมันเชื้อเพลิงของรถแข่ง เหตุการณ์ร้ายแรงดังกล่าว คร่าชีวิตผู้ชมมากถึง 82 คน นับเป็นจำนวนผู้เสียชีวิตมากที่สุดในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับการแข่งรถ

Mille Miglia เองก็ถือเป็นรายการแข่งรถสุดอันตรายที่มักจะเกิดโศกนาฏกรรมบ่อยครั้ง ในปี 1938 อุบัติเหตุที่น่าสยดสยองเกิดขึ้นนอกเมืองโบโลญญา รถสปอร์ตที่แล่นด้วยความเร็วสูง ควบคุมโดยนักแข่งมือสมัครเล่น 2 คน เกิดอาการเสียหลักแล้ว พุ่งข้ามรางของรถไฟในเมือง คร่าชีวิตผู้ชมข้างทางจำนวน 10 คน ในจำนวนผู้เสียชีวิต มีเด็กรวมอยู่ด้วยถึง 7 คน ทางการของอิตาลีได้ยกเลิกการแข่งขัน Mille Miglia ในปี 1939 ทันที แต่การแข่งขันที่ได้รับความนิยมมายาวนาน ทำให้ Mille Miglia กลับมาแข่งขันอีกครั้งในปี 1940 สิ่งที่ทำให้ Mille Miglia เต็มไปด้วยอันตรายรอบด้านก็คือ ถนนสาธารณะ ในยุคนั้นถือเป็นสถานที่อันตรายอย่างยิ่ง ผู้ชมจำนวนมากรวมถึงครอบครัวที่มีเด็ก มักจะออกมาดูการแข่งรถตามเส้นทางที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อชมรถสปอร์ตที่เร็วที่สุดในโลกอย่างใกล้ชิด ส่วนนักแข่งก็พยายามผลักดันรถของตนอย่างสุดชีวิต โดยรู้ดีว่าความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยที่เกิดขึ้นอาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุที่เลวร้ายได้อย่างง่ายดาย!


ในปี 2012 Sir. Stirling Moss นักขับรถแข่งชาวอังกฤษผู้ล่วงลับ ซึ่งคว้าชัยชนะใน Mille Miglia ปี 1955 ด้วยรถ Mercedes-Benz 300SLR หมายเลข 722 บรรยายถึงการแข่งขันกับสำนักข่าว CNN ว่า “ลองนึกภาพการขับขึ้นไปบนทางลาดขนาดใหญ่ พุ่งตรงไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งด้วยความเร็ว 290 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยไม่รู้ว่าถนนจะไปเลี้ยวทางไหน เส้นทางที่อันตรายใน Mille Miglia ทำให้ผมรู้สึกหวาดกลัวจริงๆ”

Alfonso de Portago สุภาพบุรุษนักแข่งรถและเพลย์บอยระดับชาติที่ทำให้เกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมรถแข่ง Ferrari ชนคนดูที่ Mille Miglia ในปี 1957 ไม่ควรจะต้องมาขับรถในวันนั้นด้วยซ้ำ เนื่องจาก Enzo Ferrari เชิญ Alfonso de Portago ให้มาแข่ง Mille Miglia หลังจากที่ Cesare Perdisa นักขับในทีม Scuderia Ferrari ซึ่งเป็นคนที่มีความสามารถสูงกลับเลิกแข่งรถอย่างสิ้นเชิง หลังจากเพื่อนรัก Castellotti ลงไปขับเพื่อซ้อมจับเวลาในสนามทดสอบที่โมเดนาจนทำให้เกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตคาสนาม

Luca Dal Monte ผู้เขียนชีวประวัติ Enzo Ferrari กล่าวถึง de Portago ว่า เป็นนักขับสัญชาติสเปนที่มีฝีมือและทักษะในการควบคุมรถขั้นสูง การแข่งรถไม่ใช่ความหลงใหลเพียงอย่างเดียวของเขา de Portago เกิดในตระกูลผู้สูงศักดิ์ชาวสเปนและมีแม่เป็นเศรษฐีอเมริกันที่มั่งคั่ง de Portago พูดได้ถึงสี่ภาษาและเล่นกีฬาได้หลากหลาย เป็น ‘สุภาพบุรุษนักขับ’ อย่างแท้จริง
de Portago และเพื่อนนักแข่งชาวอเมริกัน Edmund Nelson ที่เสียชีวิตพร้อมกัน เคยลงแข่งขันใน Mille Miglia มาแล้วถึงสองครั้ง แต่โชคร้ายก็ไล่ตามมาทันทุกครั้ง ครั้งแรกใน Mille Miglia รถของ de Portago เกิดไฟไหม้เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนการแข่งขัน ความพยายามครั้งที่สอง de Portago เสียหลักชนเข้าหลักกิโลเมตรในไม่กี่นาทีหลังจากออกสตาร์ต ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้ de Portago และ Nelson ไม่ทราบเส้นทางของ Mille Miglia ซึ่งถือเป็นการเสี่ยงต่ออันตรายในการแข่งขันฤดูกาลปี 1957 แต่ de Portago ซึ่งครั้งหนึ่งเคยขับเครื่องบินลอดใต้สะพานลอนดอนกลับคิดว่า อันตรายในสนามแข่งก็เหมือนกับการผจญภัยในโลกแห่งความเป็นจริง!


“ความไม่แน่นอนของขีวิต เป็นสิ่งที่ดึงดูดนักผจญภัยได้มากที่สุด” de Portago กล่าว “มีเพียงไม่กี่อาชีพ…ที่มีความปลอดภัยน้อยกว่าและมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตมากกว่าการแข่งรถ เราสามารถทำเวลาให้ลดลงหนึ่งวินาทีได้ แต่สิ่งที่ทำนั้น หากเกิดข้อผิดพลาดแค่นิดเดียวก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน”

15.30 น. วันที่ 12 พฤษภาคม 1957 (พ.ศ. 2500) Alfonso de Portago และ Edmund Nelson อยู่ห่างจากเส้นชัยแค่ 33 กิโลเมตรเท่านั้น เมื่อทั้งคู่พุ่งเข้าสู่ทางตรงใกล้กับหมู่บ้าน Cavriana ทางตอนเหนือของอิตาลี เสียงเครื่องยนต์ Ferrari 335S คำรามกึกก้องราวกับฟ้าร้อง มันพุ่งลิ่วๆ ไปตามถนนในชนบทของเมืองเล็กๆ ชื่อเบรสชา ด้วยความเร็ว 249 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ของมีคมที่อยู่บนพื้นถนนได้เจาะยางหน้าซ้ายของรถแข่ง Ferrari วัตถุที่สร้างปัญหาให้กับรถแข่ง Ferrari ที่กำลังห้อมาเต็มสปีด สันนิษฐานว่า อาจเป็นอุปกรณ์สะท้อนแสงที่รู้จักกันในชื่อ occhi di gatto ในภาษาอิตาลี แปลว่า “ตาแมว” หรือแถบสะท้อนแสงบนถนนนั่นเอง

ด้วยความเร็วสูง de Portago ไม่มีโอกาสที่จะหักหลบชิ้นส่วนที่หล่นอยู่บนถนน รถ Ferrari วิ่งทับและทำให้ยางหน้าซ้ายระเบิดเสียงดังสนั่น รถแข่งตราม้าลำพองเสียหลักจนลอยขึ้นไปในอากาศและพุ่งเข้าชนกับเสาโทรเลข กระเด็นข้ามขอบถนนด้านซ้ายแล้วพลิกตัวลอยขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง น่าแปลกที่ผู้ชมที่เสียชีวิตยืนอยู่ไกลจากจุดที่รถ Ferrari เสียหลักมาก ซึ่งดูไปแล้ว น่าจะเป็นระยะที่ปลอดภัย แต่จริงๆ แล้วไม่มีอะไรที่ปลอดภัยสำหรับการแข่งรถ สันนิษฐานได้ว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 9 คน รวมถึงคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 20 คนนั้น เกิดจากรถแข่งที่บินเข้ามากวาดกลุ่มคนดูแบบระเนระนาด

Alfonso de Portago และ Edmund กับอีก 9 คนที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด มีผู้ชมที่อายุน้อยที่สุดคือ Valentino Rigon วัย 6 ขวบ กับพี่สาววัย 9 ขวบ ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ข่าวการเกิดอุบัติเหตุครั้งร้ายแรงของ Alfonso de Portago กระจายไปทั่วเมืองเบรสชา ส่วนแชมป์ในรายการมรณะดังกล่าวคือ Piero Taruffi ซึ่งขับรถ Ferrari 315S ได้อันดับหนึ่งในการแข่งขันรอบสุดท้ายของอาชีพการเป็นนักแข่งรถอันยาวนาน โดยรวมแล้ว Scuderia Ferrari ครองตำแหน่งในวันนั้นทั้งหมด แต่ภายในไม่กี่ชั่วโมงเมื่อข่าวอุบัติเหตุแพร่สะพัดออกไป นั่นทำให้ชัยชนะของทีม Scuderia Ferrari ไม่สำคัญอีกต่อไป

“เมื่อคุณอ่านหนังสือพิมพ์อิตาลีในวันนั้น ไม่มีใครพูดถึง Taruffi ที่ชนะการแข่งขันรอบสุดท้ายในอาชีพของเขา” คอลัมนิสต์ Dal Monte กล่าว “สิ่งที่คนอิตาลีพูดถึงก็คือ โศกนาฏกรรมและเสียงร่ำไห้ของสาธารณชนชาวอิตาเลียน”
หลังจากนั้น รายการแข่งท้าความเร็ว Mille Miglia ก็ ถูกยกเลิกทันที นั่นรวมถึงการแข่งขันบนถนนสาธารณะอื่นๆ ทั้งหมดในประเทศอิตาลีก็ถูกยกเลิกด้วยเช่นกัน ในขณะที่ครอบครัวผู้โศกเศร้ากับซึ่งสูญเสียสมาชิกไป สื่อมวลชนอิตาลีก็มุ่งไปที่ชายคนหนึ่ง ซึ่งต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ร้ายแรงดังกล่าว ชายคนนั้นก็คือ Enzo Ferrari เจ้าของทีม Scuderia Ferrari
อุบัติเหตุที่ Mille Miglia น่าจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด ที่เคยเกิดขึ้นกับ Enzo Ferrari Dal Monte กล่าว อุบัติเหตุและความตายในการแข่งรถไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่คราวนี้มันแตกต่างออกไป ไม่เพียงแต่คนที่เสียชีวิตจะเป็นผู้ชมริมถนน แต่ 5 คนที่จากไปนั้นยังเป็นเด็กเล็กอีกด้วย

Enzo Ferrari ถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยประมาทถึง 11 กระทง ในตอนแรก สถานการณ์นี้ดูสิ้นหวังสำหรับ Ferrari คณะผู้เชี่ยวชาญซึ่งรวบรวมโดยฝ่ายโจทก์ได้จัดทำรายงานที่น่าสยดสยองอย่างยิ่ง โดยกล่าวหาว่า Ferrari ประมาทเลินเล่อที่ติดตั้งยางซึ่งไม่เหมาะกับรถแข่ง Dal Monte ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการพิจารณาคดีฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาของ Enzo กล่าวว่า ประวัติศาสตร์ทั้งหมดของการผลิตรถยนต์อาจแตกต่างออกไปหาก Ferrari ถูกตัดสินว่ามีความผิด

“หาก Enzo Ferrari ถูกตัดสินว่ามีความผิด เขาก็จะต้องติดคุก” Dal Monte กล่าว “ถ้าเขาเข้าคุก โรงงาน Ferrari ก็ต้องปิดตัวลง ถ้าโรงงานปิด ก็จะไม่มีรถสปอร์ต Ferrari ในวันนี้ ผมไม่คิดว่ามันเกินจริงที่จะบอกว่า ถ้าเขาถูกตัดสินว่ามีความผิด ประวัติศาสตร์ในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ ก็คงจะถูกเขียนไปอีกแบบหนึ่ง ไม่เพียงแต่ประวัติศาสตร์ของ Ferrari เท่านั้น แต่ยังรวมถึงประวัติศาสตร์ของรถซุปเปอร์คาร์และวงการมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกอย่าง F1 ที่จะต้องเปลี่ยนไปตลอดกาลอีกด้วย”

กว่าสามปีในการพิจารณาคดี Enzo Ferrari โน้มน้าวให้ผู้พิพากษาเรียกประชุมคณะกรรมการชุดใหม่ ซึ่งประกอบด้วยวิศวกรยานยนต์ที่มีความเชี่ยวชาญ ในรายงานฉบับใหม่ วิศวกรกล่าวโทษอุบัติเหตุครั้งนี้ว่า เกิดจากตัวสะท้อนแสงบนถนนหรือ “ตาแมว” ที่หลุดอยู่บนผิวถนน ไม่ใช่ความประมาทเลินเล่อของ Ferrari ทำให้ Enzo หลุดพ้นข้อกล่าวหาทั้งหมดทันที





ตลอดระยะเวลาสี่ปีของคดีความ Ferrari ไม่ได้หยุดทำงาน เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากอุบัติเหตุรถชนในสนามแข่ง Mille Miglia อันที่จริง ทีมแข่ง Scuderia Ferrari มีกำหนดลงแข่งในรายการถัดไปของ World Sportscar Championship ปี 1957 Enzo Ferrari ยังยื่นคำร้องต่อผู้พิพากษาในการพิจารณาคดีฆาตกรรมโดยให้ปล่อยรถแข่งเฟอร์รารีสองคันที่ไม่ได้ก่อความเสียหาย ซึ่งถือเป็นหลักฐานที่แท้จริงเกี่ยวกับยางที่ทีมเลือกใช้ “มันแสดงให้คุณเห็นว่าชีวิตไม่ได้หยุดอยู่กับอุบัติเหตุ” Dal Monte กล่าว “Enzo และ Scuderia Ferrari ยังคงทำการแข่งขันต่อไปและผลิตรถยนต์ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จากการนำเทคนิคในรถแข่งมาใช้ในรถยนต์ที่ผลิตออกขายให้กับลูกค้า”

































